เทคนิคการวิ่งเทรล (Trail Running)

เทคนิคการวิ่งเทรล (Trail Running) ฝึกวิ่งเทรล (Practice […]

เทคนิคการวิ่งเทรล (Trail Running)

ฝึกวิ่งเทรล (Practice Trail Running)

การวิ่งเทรลนั้น ร่างกายของคุณจะทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเส้นทางวิ่งเทรลนั้นจะแตกต่างจากการวิ่งบนลู่วิ่งหรือถนนปกติ เส้นทางจะมีทั้งทางลาดชัน ทางขรุขระ ร่างกายจะเรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้คุณสามารถเดินหรือวิ่งบนความยากลำบาก ทำให้เกิดความสมดุล และนำไปสู่ก้าวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การก้าวเท้า (Proper Foot Placement)

การวิ่งเทรลนั้น ไม่เหมือนกับการวิ่งบนลู่วิ่ง หรือเส้นทางวิ่งปกติ คุณจะต้องยกเท้าสูงขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากเส้นทางอาจมีหิน กิ่งไม้ ร่องหิน หรืออุปสรรคระหว่างเส้นทาง และทำให้ใช้กล้ามเนื้อขามากกว่าปกติ ทำให้คุณมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

วัดรอบจากระยะเวลาแทน (Time Over Distance)

ควรวัดประสิทธิภาพจากระยะเวลา แทนระยะทาง เนื่องจากการวิ่งเทรล มีลักษณะเส้นทางที่แตกต่างจากการวิ่งปกติ ซึ่งมีทั้งทางปกติ ทางลาดชัน หิน หรืออุปสรรคต่างๆ ทำให้วัดรอบจากระยะทางไม่ได้ ควรวัดรอบจากระยะเวลาแทน เช่น 1 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้กี่กี่โลเมตรแทน

ศึกษาเส้นทางก่อนวิ่ง (Survey the Trail beforehand)

การดูและศึกษาลักษณะเส้นทางก่อนวิ่งเทรล เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณต้องรู้จักลักษณะเส้นทาง และอุปสรรคก่อนวิ่ง เพราะมันไม่ใช่ทางปกติ ดังนั้นเวลาวิ่งคุณจึงต้องมีสติ และจดจ่อกับการก้าวท้าวในแต่ละก้าว เพื่อหลบหลีกอุปสรรค และเพื่อความปลอดภัย

ยืดกล้ามเนื้อ (Pre-run Stretches)

การวิ่งเทรลต้องใช้แรงจากกล้ามเนื้ออย่างมาก ก่อนวิ่งควรมีการยืดกล้ามเนื้อ หรือซ้อมวิ่งก่อน หลังการวิ่งควรนวดคลายกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บหลังการวิ่ง

ต้องพร้อมสำหรับการขึ้นเขา (Get Ready for Hills)

การวิ่งเทรล ทางวิ่งส่วนใหญ่จะเป็นทางลาดชัน หรือทางขึ้นเขา ผิวทางขรุขระ มีอุปสรรค์ระหว่างทาง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นเขามีความสำคัญ ทั้งรองเท้าสำหรับวิ่งเทรลโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยในการยึดเกาะ และระบายน้ำได้ดี และเวลาขึ้นเขาหรือลงเขา หากเส้นทางมีความแคบ ไม่ควรแซงหน้าผู้อื่น